หนังpink curtain ออกฉายในปี 1982 เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิภาควิจารณ์สรรเสริญซึ่งสร้างความตรึงใจให้กับผู้ชมด้วยพล็อตเรื่องที่น่าดึงดูด การแสดงที่จูงใจ และก็สุนทรียภาพทางภาพที่น่าทึ่ง ควบคุมโดยผู้ผลิตภาพยนตร์โด่งดัง จอห์น แอนเดอร์สัน ภาพยนตร์ประสมประสานส่วนประกอบของความเร้นลับ ความรัก และก็ดราม่าด้านจิตวิทยาเพื่อสร้างประสบการณ์การรับดูภาพยนตร์ที่ยากจะเลือน เบื้องหลังของเมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์ Pink Curtain นำผู้ชมไปสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยความลับ ความลุ้นระทึก
และก็การหักมุมที่นึกไม่ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเอลิซาเบธ มอร์แกน หญิงสาวที่ย้ายไปยังเมืองเอเวอร์กรีนฮิลส์อันงามเพื่อหนีจากอดีตกาลที่มีปัญหาของคุณ คุณเจอความไม่รู้สึกกลุ้มใจในสิ่งแวดล้อมที่สงบเงียบรวมทั้งเริ่มสร้างชีวิตใหม่ แม้กระนั้น ความสงบที่เพิ่งจะศึกษาค้นพบของคุณจำเป็นต้องพังทลายลงเมื่อคุณสะดุดกับผ้าม่านสีชมพูลึกลับที่หลบซ่อนอยู่ด้านในห้องใต้หลังคาของบ้านใหม่ของคุณ
เอลิซาเบธเริ่มปฏิบัติหน้าที่เพื่อค้นหาความลับของม่านพิศวงด้วยความอัศจรรย์ใจในม่านปัญหา เมื่อคุณเจาะลึกลงไป คุณศึกษาและทำการค้นพบชุดของการศึกษาและทำการค้นพบที่น่าตกใจซึ่งเปิดเผยให้มองเห็นประวัติศาสตร์อันมืดมนที่อยู่บริเวณเมืองแล้วก็ผู้อาศัย สำหรับเพื่อการเผยแต่ละครั้ง เอลิซาเบธเข้าไปพันพัวกับเว็บไซต์ที่การคดโกง อันตราย แล้วก็ความรักต้องห้าม
หนังpink curtain พากย์ไทย
เมื่อเค้าเรื่องเข้มข้นขึ้น การเสาะหาความเป็นจริงของ เอลิซาเบธก็แปลงเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งขึ้นเรื่อยคุณพบว่าตนเองจำเป็นต้องเลือกระหว่างความรักที่มีต่อเดวิด นักแสดงเขตแดนผู้มีเสน่ห์ กับความหวาดกลัวผลปรากฏว่าที่บางทีอาจทำให้เกิดการเปิดเผยข้อเท็จจริง เอลิซาเบธใช้ม่านสีชมพูนำทางผ่านเขาวงกตที่ประเด็นแล้วก็เจอหน้ากับผู้แสดงที่น่าดึงดูด ซึ่งแต่ละคนมีวาระซุกซ่อนของตน Sharper ชาร์ปเปอร์” อุบายจัด..จำพวกว่าเสี่ยงสปอยล์มากมาย พวกเราบางครั้งอาจจะเคยดูหนังอาชญากรรมต้มตุ๋นมาหลายเรื่อง ที่ชอบพรีเซนเทชั่นเคล็ดลับรวมทั้งเคล็ดลับที่แยบคายเปรียบเสมือนจริงแบบจำเป็นต้องอ้าปากหวอ รวมทั้งมาถึงเรื่องปัจจุบันที่ต้องการจะพรีเซ็นท์ก็คือ “Sharper ชาร์ปเปอร์”
หนังที่ต้องการจะชูให้เป็นหนังเจ้าเล่ห์ที่ สุดเรื่องหนึ่งที่เคยมองมา หนังpink curtain กับทีท่าท่าทางที่ใจเย็น แต่ทำให้ผู้ชมเชื่อใจอะไรมิได้เลยกับทุกๆไดอะล็อกของหนังประเด็นนี้ Sharper อ่านว่า ชาร์ปเปอร์ คือ คนที่ดำเนินชีวิตด้วยอาศัยความหลักแหลม กล่าวถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนที่แสวงหาการแก้เผ็ดครอบครัวของเขา ที่เขาไม่เคยสารภาพมาก่อน พร้อมด้วยคิดแผนรวมทั้งใช้อุบายสำหรับเพื่อการเอาเปรียบพวกคนมั่งมีไม่เลือกหน้า เพื่อได้มาซึ่งความมั่นคั่งในเงินที่เป็นอย่างเดียวที่เขาประสงค์ในชีวิตนี้ เอาจริงเอาจังๆเพียงแค่มองเห็นรายนามผู้แสดงของหนังหัวข้อนี้ก็ร้องว้าวแล้วนะ นำกลุ่มโดย “จูลีแอนน์ มัวร์”, “เซบาสเตียน สแตน”, “จัสติน สมิธ”, “บรีอาน่า มิดเดิลตัน” แล้วก็ “จอห์น ลิธโกว์”
ที่แน่ๆว่าท่าทางการแสดงของพวกเขาจัดจ้าและก็มั่นอกมั่นใจได้เลยตลอดทั้งเรื่อง pinkcurtain ด้วยความเป็นมือโปรแล้วก็แคสติ้งระดับเย่อหยิ่งแบบนี้ เท่านี้ก็นับได้ว่าเป็นผลกำไรของคนดูแล้วนี่เป็นงานดูแลของ “เบนจามิน แครอน” จากซีรีส์ดัง The Crown และก็ Andor ที่จัดว่าเขาจับเอาเอกลักษณ์ในงานสร้างของตนมาใช้ได้อย่างคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศ โทนภาพ โทนสี หนังประเด็นนี้สัมผัสได้ถึงผลงานก่อนๆของเขาได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ทางด้านเทคนิคต่างๆบางครั้งก็อาจจะมิได้มีอะไรหวือหวาเท่าไรนัก แม้กระนั้นวิถีทางไดเรคชั่นของหนังก็ค่อนข้างจะคมดีในระดับที่น่าพึงพอใจ
Sharper ได้ 2 ผู้เขียนบท “ไบรอัน เกตวู้ด” กับ “อเล็กซานโดร ทานากะ” จากซีรีส์ Animal Practice กับ Dice เอาตรงๆบทหนังหัวข้อนี้บางครั้งอาจจะมองมีมิติแล้วก็ความสลับซับซ้อนอยู่ไม่น้อย แต่ว่าถ้าได้สัมผัสที่จริงแล้วก็จะพบว่ามิได้สลับซับซ้อนอะไรขนาดนั้น แค่เพียงอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีบางมุมที่เล่นกับความรู้สึกที่เดามิได้กับผู้ชมเป็นหลัก แต่ว่าถือได้ว่าลูกเล่นที่ใช้ไม่น้อยแต่ว่าโชคร้ายสักน้อย ที่ในส่วนของการเล่าเรื่องแล้วก็ไดอะล็อกของหนังหัวข้อนี้ ยังไม่แยบคายได้ถึงคราวสุด โดยหนังใช้แนวทางเล่าด้วยการจุดโฟกัสไปที่นักแสดงสำคัญๆในแต่ละองก์ ในตอนแรกเต็มไปด้วยความแจ่มใสแล้วก็ความน่าค้นหา เปิดมาด้วยบรรยากาศความโรแมนซ์รวมทั้งเดาอะไรมิได้
แม้กระนั้นเพียงพอเดินเรื่องมาได้เรื่อยเพียงพอจับทางได้ ก็พบว่าไม่ใช่อะไรที่ แตกต่างจากที่คิดเอาไว้การเล่าเรื่องของ Sharper ค่อนข้างจะเย็นยะเยี่ยมจากที่กว้างไว้ข้างต้น ในช่วงเวลาที่บทรวมทั้งไดอะล็อกของหนังก็ดูเหมือนแยบยลได้ยังไม่สุดทางมากแค่ไหน บากบั่นป้ายความผิดเป็นทริลเลอร์รวมทั้งอาชญากรรมเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลัก แต่ว่ายังไม่สามารถที่จะขยี้ออกมาได้ถึงอารมณ์พอดีสุด แม้ว่าจะเป็นหนังที่บอกอะไรออกไปได้ไม่มากมาย เพราะเหตุว่าเสี่ยงการสปอยล์แบบสุดๆก็ตาม
Unlocked” ความน่าสยดสยองจากอันตราย มันอยู่ใกล้เพียงแค่..ปลายเล็บ
มาดื่มด่ำกับคดีตื่นเต้นตามหาว่าคนใดกันเป็นคนทำ กับหนังเขย่าขวัญที่รีเมคมาจากนิยายรวมทั้งหนังประเทศญี่ปุ่นเรื่องดัง นี่เป็น “Unlocked เพียงแค่ทำโทรศัพท์เคลื่อนที่หาย เพราะเหตุไรจะต้องเปลี่ยนเป็นศพ” ที่ปรับโหมดมาเป็นหนังประเทศเกาหลีสุดระทึก กับกลุ่มดาราจัดจ้าทางการแสดง ที่จะมาทำให้ผู้ชมแทบจะลืมหายใจสำหรับการตามหาเค้าเงื่อนและก็คลี่คลายเงื่อนปัญหาคราวนี้ Unlocked เพียงแค่ทำโทรศัพท์เคลื่อนที่หาย เพราะอะไรจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นศพ เกิดเรื่องราวของ นามิ สาวนักการตลาดที่บริษัทสตาร์ทอัปแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าวันหนึ่งคุณทำโทรศัพท์เคลื่อนที่หาย แม้กระนั้นโชคดีที่ได้กลับคืนมา ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมา ความสงบสุขในชีวิตของคุณก็ได้หายไปเนื่องจากถูกรุกราม
ในขณะที่ จุนยอง คนที่บังเอิญเก็บโทรศัพท์ของนามิมาได้ หนังpink curtain ก่อนที่จะนำส่งกลับ เขาได้ใช้โทรเข้าหาคุณและก็ใช้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุอาชญากรรม โดยที่คุณมิได้ล่วงรู้อะไรก็ตามส่วนอีกฟากของเมือง จีมัน ตำรวจสปายกำลังค้นหาเบาะที่เกี่ยวกับเหตุการฆาตกรรมในช่องเขา รวมทั้งเขาได้เจอปมบางสิ่งที่ชี้ว่า จุนยอง ลูกชายที่ล่องหนไปของเขาเป็นผู้ก่อเรื่อง หนังดัดแปลงแก้ไขมานิคุณยายของ อากิระ ชิงะ ที่ถูกนำมาผลิตเป็นหนังประเทศญี่ปุ่น “Stolen Identity” ทั้งยัง 2 ภาค ในปี 2018 กับ 2020 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา โดยได้ผู้กำกับหน้าให่ “คิมแทจุน” มารับหน้าที่ควบคุมแล้วก็เขียนบทหนัง ที่จำต้องพูดว่าส่วนประกอบทุกๆสิ่งทุกๆอย่างออกมาก้าวหน้าตามมาตรฐาน เพียงน่าผิดหวังสักน้อย เพราะหนังใส่ความแปลกใหม่ไม่ค่อยจะพบเท่าใดนัก
บางครั้งก็อาจจะเป็นเนื่องจากว่าหนังแบบ Unlocked หัวข้อนี้นั้นเป็น หนังชนิดหนังประเทศเกาหลีเคยสร้างออกมาแล้วเสมอๆมองเห็นได้แทบทุกปี มันก็เลยมิได้รู้สึกแปลกใหม่อะไรอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้หนังจะจับเอาข้อความสำคัญอาชญากรรมไซเบอร์ขึ้นมาเกิดเรื่องราวหลักสำหรับเพื่อการเล่านั้น แม้กระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยพล็อตสูตรสำเร็จที่ไม่มีอะไรนอกจากไปจากที่เดาได้อยู่แล้วมุมกล้องถ่ายภาพรวมทั้งมุมภาพ และเคล็ดวิธีต่างๆที่หนังเอามาใช่สำหรับในการเสนอนั้น ก็มิได้แปลกใหม่ด้วยเหมือนกัน
มุมกล้องถ่ายรูปที่จุดโฟกัสตามติดที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ และก็หน้าจอหน้าโทรศัพท์ มิได้เป็นวิธีที่ทำให้เกิดความรู้สึกละลานตาอะไรเท่าไรแล้วเช่นเดียวกัน หากว่าบรรยากาศโดยภาพรวมของจะสร้างสถานการณ์ออกมาได้ค่อนข้างจะบีบบังคับแล้วก็ระทึกใจอยู่บ้าง แต่ว่าก็ราวกับจะยังทำเป็นออกมาไม่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่ามันค่อนข้างจะซ้ำไปซ้ำมาไปสักนิด การแสดงของกลุ่มผู้แสดงก็จัดว่าทำเป็นดี แต่ว่าไม่มีอะไรสะดุดตาและก็รู้สึกเชื้อเชิญว้าวมากสักเท่าไรนัก เพราะเหตุว่าดูราวกับว่าดาราหนังก็มากับบทเดิมๆของพวกเขาที่ต่างก็เคยถ่ายทอดหน้าที่สไตล์นี้มาจากผลงานก่อนๆมากันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “อิมชีวันน” ที่มาสวมบทเป็นคนร้ายแอบจิตในประเด็นนี้อีกแล้ว พวกเรารู้ว่าเขาเป็นดาราที่ถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้ขิงสุดๆ
Operation Fortune ปฏิบัติงานระห่ำ โคตรคนฟอร์จูน
หนึ่งในผลงานปัจจุบันของผู้กำกับ “กาย ริตชี” ที่เข้าฉายในบ้านพวกเราชนกันกลางม.ย.อย่างงี้ (อีกหนึ่งเรื่องเป็น The Covenant) ก็คือหนังแอคชั่นสายค้างโหลดอง “Operation Fortune: Ruse de guerre กระทำการระห่ำ โคตรคนฟอร์จูน” ที่ยังคงสไตล์ความเป็นหนังคุณกายได้ดิบได้ดี กับกองทัพผู้แสดงชั้นยอดเยี่ยมเป็นตับ รวมทั้งปฏิบัติงานสายที่แทรกสอดถ้อยคำแล้วก็ความบาดใจแบบรู้จักดี Operation Fortune: Ruse de guerre เล่าราวของ ข้าราชการผู้ชำนาญด้านอาวุธที่ MI6 ถูกเรียกตัวให้มาช่วยทำภารกิจออกติดตามรวมทั้งยั้งแนวทางการขายอาวุธเผาผลาญประเภทใหม่ ซึ่งอาวุธนี้ได้เป็นภัยรุกรามความสงบสุขของโลก เพื่อเข้าถึงจุดหมายได้ เขาจำเป็นที่จะต้องแบล็กเมล์ศิลปินชายหนุ่มมีชื่อให้มาร่วมภารกิจด้วย โดยการทำคราวว่าเขากำลังจะเล่นบทเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน คนกลางอาวุธ ในหนังที่มหาเศรษฐีผู้นี้กำลังจะลงทุนสร้างให้
แน่ๆว่าหนังก็ยังคงเป็นการควบคุมและก็เขียนบทโดย กาย ริตชี อีกเหมือนเคย โดยเขาได้ผู้ช่วยเหลือคนเขียนที่รู้จักกันดี หนังpink curtain อย่าง “อีแวน แอตคินสัน” กับ “มาร์น เดวีส์” ที่ร่วมงานกันมาในผลงานแอคชั่นสุภาพบุรุษมาหลายเรื่อง โดยกลับมาในคราวนี้พวกเขาได้อุตสาหะสร้างภาพยนตร์แอคชั่นผสมถ้อยคำอารมณ์ขัน กับรายละเอียดการสอบสวนที่เข้มข้นรวมทั้งเต็มไปด้วยพนัน แต่ว่าโชคร้ายอย่างยิ่งที่ว่า Operation Fortune: Ruse de guerre ยังออกจะเต็มไปด้วยส่วนประกอบเยอะแยะที่ขาดๆเกินๆอยู่ และก็ยังเป็นหนังที่บทเต็มไปฉากเสวนาแบบไม่มีหยุด ถึงจะเป็นยังมีท่วงทีรวมทั้งรักษาเอกลักษณ์ของสไตล์ผู้กำกับเอาไว้อยู่ กับการมีนักแสดงชั้นหนึ่งเยอะมากในร่วมแข่งหน้าที่
แม้กระนั้นพลังศิลปินของพวกเขาก็ไม่สามารถดึงดูดสายตาได้พอเพียง zabbet987 กับจังหวะรวมทั้งส่วนประกอบที่ยังไม่บางทีอาจเข้าถึงได้มาก พูดได้ว่าถ้าหากคนใดกันแน่จะมามองหาหนังบู๊เดือดๆกับประเด็นนี้บางทีอาจจะจำต้องผิดหวังกลับไป ตอนครึ่งแรกของ Operation Fortune: Ruse de guerre ยังค่อนข้างจะไม่มีเสน่ห์ที่จะต้องมีไปหน่อย ถึงจะเป็นตอนๆที่ปฏิบัติภารกิจปูเรื่องและก็ชี้แนะค้างแรกเตอร์ต่างๆกลับยังปฏิบัติภารกิจออกมาได้ไม่แจ่มว้าวพอเพียง ส่วนหนึ่งส่วนใดน่าจะเป็นเนื่องจากว่าการออกแบบติดอยู่แรกเตอร์ผู้แสดงที่ยังไม่ค่อยมีมิติเยอะแค่ไหน เมื่อเพิ่มเติมกับงานสร้างที่ไม่รู้เรื่องว่าทุนไม่มากหรือไม่ แม้กระนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้หนังขาดความเหมือนจริงและก็น่าไว้วางใจได้พอควรเลย”เจสัน สเตธัม”
ก็ยังคงมารับบทแบบบ่อยๆเดิมๆสไตล์เขาอีกที ติดอยู่แรกเตอร์ของเขานั้น เกือบจะไม่มีความต่างไปจากผลงานก่อนๆมากแค่ไหนเลย กระบวนการเล่นแล้วก็ลีลาท่าทางการแสดงก็ยังทำออกมาเดิมๆถึงมันจะเป็นเอกลักษณ์ที่เฉพาะบุคคลสำหรับเขา แม้กระนั้นโชคร้ายที่การถือลีลาท่าทางนี้มาใช้หนังของเขาประเด็นนี้ยังไม่ค่อยเวิร์กสักเท่าไหร่ เจสัน ก็ เจสัน อย่างเดิมนั่นแหละ จะมีก็เพียงแค่ “ออเดรย์ พลาซา” ที่ลักขโมยซีนและก็โปรยปรายเสน่ห์ในหนังประเด็นนี้ได้อย่างพลิกล็อก แต่ว่าดาราเอลิสต์ผู้อื่นไม่ว่าจะเป็น “ฮิวจ์ มึงรนต์” หรือ “หน้าจอช ฮาร์ตเน็ต” ที่ทำเป็นแค่เพียงถอนใจเบาๆเนื่องจากน่าผิดหวังไปสักนิดสักหน่อย ที่หนังได้ศิลปินเบอร์ขนาดนี้มาแข่งหน้าที่บนหน้าจอแบบแน่นอนกลับถ่ายทอดออกมายังไม่ค่อยเวิร์กเยอะแค่ไหน หน้าที่ผู้แสดงแต่ละตัวนั้นยังออกจะแห้ง เอาดาราหนังอาชีพมานำดังเป็นดาราหนังสมัครเล่นอะไรทำนองนั้น